ซึ่งจะเป็นหนึ่งในระยะที่สำคัญของการปฏิบัติภารกิจดาวเทียม การปรับวงโคจรแบบนี้เรียกว่า “Launch and Early Orbit phase (LEOP)”
การปรับนี้เนื่องจากแรงที่มากระทำในอวกาศต่างๆ เช่น แรงดึงดูดจากพระอาทิตย์และพระจันทร์ แรงจากลมสุริยะ แรงเสียดทานจากบรรยากาศ เป็นต้น แรงเหล่านี้ทำให้วงโคจรของดาวเทียมมีการเปลี่ยนแปลงไป การปรับวงโคจรแบบนี้เรียกว่า “Orbit maintenance maneuver”
ในอวกาศมีขยะอวกาศ (ดาวเทียม เศษซากจรวด ที่เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว หรือเศษหินในอวกาศ หรือ เศษซากดาวเทียมหรือจรวดที่เกิดจากการชนกันในอวกาศ) ที่โคจรอยู่บริเวณโลก ด้วยความเร็ววงโคจรที่สูงสามารถสร้างความเสียหายให้กับดาวเทียมหรือยานอวกาศได้อย่างมาก แม้จะชิ้นเล็กก็ตาม การปรับวงโคจรแบบนี้เรียกว่า “Collision avoidance maneuver”
ปัจจุบันจำนวนขยะอวกาศมีสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มที่จะหนาแน่นมากอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้ องค์การสหประชาชาติมีการกำหนดแนวทางให้ดาวเทียมที่เสร็จสิ้นภารกิจเรียบร้อย ควรจะตกกลับมาสู่โลกภายใน 25 ปี หรือ กรณีที่อยู่ไกลจากโลกมาก ควรจะเปลี่ยนวงโคจรไปอยู่บริเวณสุสานดาวเทียมในอวกาศ การปรับวงโคจรแบบนี้เรียกว่า “controlled entry maneuver”
ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.สิทธิพร ชาญนำสิน
นักวิจัยชำนาญการและหัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอวกาศด้านกลศาสตร์วงโคจรของประเทศไทย หรือ Astrolab ของ GISTDA
#GISTDA #จิสด้า #ก้าวสู่ปีที่21 #space #Astrolab #การปรับวงโคจรดาวเทียม #วงโคจร