เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ESA (European Space Agency) ประสบความสำเร็จในการใช้จรวดขนส่งขนาดกลาง Vega-C ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่พาดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ 7 ดวง โดยหนึ่งในนั้นเป็นดาวเทียมที่ใช้ตรวจวัดปรากฏการณ์ frame-dragging effect ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของวงการเทคโนโลยีอวกาศ และไม่ใช่แค่กับองค์กรที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศเท่านั้น องค์กรเอกชนอย่าง SpaceX เองก็มีความคืบหน้าในภารกิจเช่นกัน
เมื่อช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา SpaceX ได้ปล่อยจรวด Falcon 9 จากสถานีกองทัพอากาศ Cape Canaveral ซึ่งบรรทุกดาวเทียมอินเตอร์เน็ต Starlink กว่า 35 ดวงขึ้นไปยังอวกาศ โดยภารกิจนี้เป็นการปล่อยจรวดครั้งที่ 31 ของปี 2022 สำหรับ SpaceX
เมื่อนับรวมจำนวนดาวเทียม Starlink ตัวต้นแบบ ตัวทดลองที่ไม่ได้ให้บริการแล้วและจำนวนที่ SpaceX ส่งขึ้นไปเมื่อวันอาทิตย์แล้ว ในตอนนี้บนอวกาศมีดาวเทียม Starlink กว่า 2,858 ดวงเลยทีเดียว
Falcon 9 ได้รับการวางโปรแกรมให้ปล่อยดาวเทียมในวงโคจรวงรีที่ตำแหน่งทำมุม 53.2 องศากับเส้นศูนย์สูตร หลังจากนั้นอุปกรณ์ขับเคลื่อนที่ติดอยู่กับตัวดาวเทียมจะพาดาวเทียมไปถึงวงโคจรวงกลมที่สูงจากพื้นโลกถึง 540 กิโลเมตรโดยดาวเทียม Starlink แต่ละดวงจะประจำในมุมลาดเอียงที่ต่างกันเพื่อเครือข่าย Global internet ของ SpaceX
หลังจากที่พวกมันเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองแล้วจะเริ่มให้บริการสัญญาณบรอดแบนด์กับผู้บริโภคที่ซื้อบริการอินเตอร์เน็ตของ Starlink ต่อไป
----
ที่มา: Live coverage: SpaceX’s latest Starlink launch successful