เกาหลีใต้ดินแดนแห่งฝัน ที่ใครๆก็มักจะไปตามรอยซีรีย์กัน ที่นี่มีอะไรดีๆมากมายเลยทีเดียวและเป็น 1 ใน 21 เขตเศรษฐกิจที่รวมกันเป็น APEC เป็นประเทศที่มีศักยภาพทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วที่สุดในอันดับต้นๆของโลกและมีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยอีกด้วย
วันนี้..แอดมินได้มีโอกาสพูดคุยกับ ดร.ดำรงค์ฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ GISTDA ท่านเล่าให้ฟังในเรื่องของเทคโนโลยีที่มีอยู่ของเกาหลีใต้ว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเยือนเกาหลีใต้หลายครั้งเพื่อร่วมหารือสร้างความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีอวกาศเพื่อพัฒนาร่วมกันทั้งด้านองค์ความรู้ บุคลากรตลอดจนความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีซึ่งมีความน่าสนใจมาก และมีอีกสิ่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันนั่นก็คือ ไม่ว่าจะเดินทางไปทางไหนในกรุงโซลมักจะเห็นคำว่า “Zero Seoul”
“Zero Seoul” คือความร่วมมือกันเพื่อจะแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในกรุงโซล ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของภาคเอกชน ประชาสังคม ภาครัฐและกรุงโซล ร่วมกันดำเนินการลดขยะภายในกรุงโซลโดยเป็นการส่งเสริมที่เข้มข้นมากกว่าเมืองอื่นๆในประเทศ เหตุปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากความพยายามในการลดปริมาณขยะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ซึ่งเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมาตรการล๊อคดาวน์ โดยเฉพาะพลาสติก ที่มาจากการใช้บริการ delivery ต่างๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ถึงแม้ว่ารัฐบาลเกาหลีใต้จะประกาศห้ามใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับรับประทานในร้าน นอกเหนือจากนั้น โครงการ “Zero Seoul” ยังได้คำนึงถึงการบริโภคในรูปแบบของ Zero cafe / Zero Restaurant และ Zero Market ดังนี้
ด้วยแคมเปญที่ว่ามานี้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติ ผ่านแพลตฟอร์มเมืองอัจฉริยะ ที่เรียกว่า Seoul Smart map ซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆทั้งในด้าน สุขภาพ การท่องเที่ยว รวมทั้ง ตำแหน่งร้านและโปรโมชั่นต่างๆ ผ่านมือถือ โดย เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้ข้อมูลจากอวกาศเป็นพื้นฐาน ทั้งในส่วนของแผนที่ และ ตำแหน่งจากดาวเทียมนำทาง เพื่อสร้างระบบอัจฉริยะและยังมีการทำงานอย่างเป็นระบบร่วมกับค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของเกาหลี คือ SK Telecom (SKT) เพื่อเพิ่มความสะดวกในการคืนเงินแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ เช่น T-money บัญชีธนาคาร เป็นต้น โดย SKT ร่วมกับกรุงโซล วางแผนที่จะดำเนินการรณรงค์เพื่อลดจำนวนแก้วบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วทิ้ง เป็นจำนวน 10 ล้านถ้วย
มามองที่บ้านเรากันบ้าง ในอดีต กรุงเทพฯ ได้ดำเนินการจัดการปัญหาขยะในช่วงระยะเวลามากว่า 20 ปี หากใครจำได้ ในยุค 80 ยุค 90 ได้มีโครงการที่คนรุ่นก่อนจดจำได้เป็นอย่างดีในชื่อ “ตาวิเศษเห็นนะ” โดยจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาที่กรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองหลวงที่สกปรกอันดับต้นๆของโลก จนถึงทุกวันนี้ เรายังไม่สามารถจัดการขยะอย่างเป็นระบบแบบครบวงจรได้ ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องมาช่วยกันอย่างจริงจัง ดำเนินการในเรื่องขยะของเรา โดยเริ่มต้นจาก 2 มือเราเองช่วยกันทิ้งเป็นที่ คัดแยกขยะให้ถูกต้องเพื่อบ้านเมืองที่น่าอยู่ของเรา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และเพื่อสุขภาวอนามัยที่ดีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แอดมินเชื่อว่าคนไทยทุกคนทำได้ เทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือที่จะช่วยให้การกำจัดขยะแบบครบวงจรได้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้น และที่สำคัญเทคโนโลยีอวกาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับเราอีกต่อไปครับ
This website uses cookies. Our website creates and utilizes cookie data in order for your visit to be smooth, efficient, and private. Please read our cookie policy and GISTDA's personal data protection policy for further detail.
This website uses cookies. Our website creates and utilizes cookie data in order for your visit to be smooth, efficient, and private. Please read our cookie policy and GISTDA's personal data protection policy for further detail.