เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดประชุมวิชาการและการสัมมนานานาชาติการวิจัยขั้นแนวหน้าระบบโลกและอวกาศแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1/2564 (The 1st International Symposium on Earth Space System Frontier Research Thailand 2021) ในรูปแบบออนไลน์ จัดโดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือ GISTDA พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “บทบาทของ อว. ในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ เพื่อสร้างโอกาสให้เศรษฐกิจไทย” ว่า อว.เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนางานวิจัยขั้นแนวหน้าด้านระบบโลกและอวกาศ (Earth Space System: ESS) งานนี้เป็นงานที่มีภาพรวมใหญ่มาก การศึกษาเรื่องราวด้านนี้มีความยากพอสมควร “โลก” คือ ดิน “อวกาศ” คือ ฟ้า ภาษาจีนตัว “อ๋อง” ที่แปลว่าผู้ปกครอง มี 3 ขีด ขีดที่ 1 คือ ฟ้า ขีดที่ 2 คือ คน ขีดที่ 3 คือ ดินหรือโลก แล้วยังมีขีดอีกตัวหนึ่งเชื่อมฟ้า เชื่อมคน เชื่อมดิน ไว้ด้วยกัน นั่นแปลว่า อารยธรรมตั้งแต่โบราณมาเห็นเรื่องดิน เรื่องฟ้าสำคัญ คนโบราณดูฟ้าทุกวัน ดูดาวทุกวัน และนำมาสร้างเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยโหราศาสตร์ เพื่อที่จะพยากรณ์ คาดการณ์ วางแผนในเรื่องที่เกี่ยวกับโลก เกี่ยวกับดิน เกี่ยวกับอาณาเขตที่ปกครอง โดยมีคนเป็นตัวเชื่อมฟ้าเชื่อมดิน
รมว.อว.กล่าวต่ออีกว่า งาน ESS จึงเป็นการเชื่อมทั้ง 3 สิ่งเข้าด้วยกัน และ GISTDA ต้องทำเรื่องนี้ให้ดีเพื่อเป็นเกียรติภูมิของประเทศ สิ่งที่ค้นพบทำวิจัยกันจะกลายเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติทั้งสิ้น เราต้องทำให้โลกเห็นว่า ไทยมีศักยภาพ มีหมุดหมายที่จะเข้าไปสู่ประชาคมโลกที่พัฒนาแล้ว นอกจากนี้ ESS ยังส่งเสริมและสนับสนุน BCG ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่หลายกระทรวงร่วมมือกันเพื่อให้เป็นหนึ่งในโมเดลการพัฒนาโลก เพราะฉะนั้น จิสด้าและพันธมิตรทั้ง 7 มหาวิทยาลัย จะต้องมุ่งเน้นให้เกิดความตระหนักรู้ ตื่นตัวในกลุ่ม นักเรียน นิสิต นักศึกษา ตลอดจนสร้างโอกาส การเข้าถึง การรับรู้ การให้ทุนการศึกษาแก่กลุ่มเด็กที่ด้อยโอกาส เด็กชายขอบ เด็กชาวเขา เด็กพื้นที่ชายแดน เด็ก 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะหลายต่อหลายครั้ง “ช้างเผือก” เกิดจากเด็กในกลุ่มนี้
ด้าน ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง GISTDA กับประชาคมวิจัยด้านระบบโลกและอวกาศของประเทศไทย ที่มาร่วมกันแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกและจะเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยดำเนินการภายใต้ความร่วมมือของหลากหลายหน่วยงานรัฐมากกว่า 10 หน่วยงาน และสถาบันอุดมศึกษามากกว่า 15 มหาวิทยาลัย โดยมี GISTDA ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักในการรวบรวมการจัดทำสมุดปกขาว (White Paper) และแผนที่นำทางแห่งชาติ (National Roadmap) ของ ESS ประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมี “แผนการดำเนินการวิจัยพัฒนาสร้างองค์ความรู้และเทคโนโลยีนวัตกรรม” ที่จะทำให้เข้าใจถึงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ที่มีต่อโลกมนุษย์ และประเทศไทย ทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ที่มีความสัมพันธ์กับเวลา การเกิดพิบัติภัยในรูปแบบต่างๆ ตามบริบทโลกและสภาพภูมิประเทศ รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ได้ข้อมูลสำคัญที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการรอดพ้นวิกฤตต่างๆ ในอนาคต โดยในช่วงของการสัมมนามีการพูดถึงบทบาทสำคัญของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นจากการวิจัยขั้นแนวหน้า (frontier research) รวมถึงมุมมองจากมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับความท้าทายในการวิจัยฯ ในยุคของ Disruptive Technology และการเตรียมรับมือ ทั้งนี้ เรามองว่าการขับเคลื่อนงานวิจัยขั้นแนวหน้าจะเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็น Space Economy ได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถือเป็นส่วนที่สำคัญของการทำ roadmap ของประเทศไทยที่จะนำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์ ให้เป็นไปตามเป้าหมายและผลลัพธ์ ผ่านการสร้างองค์ความรู้ และนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้เศรษฐกิจไทยต่อไปในอนาคตได้
ด้าน รศ.นพ.สุนทร วงษ์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมวิชาการในครั้งนี้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และการทำงานวิจัยขั้นแนวหน้าระบบโลกและอวกาศ และยังเป็น 1 ใน 7 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศในการเป็นภาคีวิจัยโลกอนาคตแห่งประเทศไทย (Future Earth Thailand Consortium) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมหาวิทยามหิดล โดยจะมุ่งเน้นในการสร้างบุคลากรและงานวิจัยขั้นแนวหน้า เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันของประเทศต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ธรรมชาติ และภัยพิบัติ
This website uses cookies. Our website creates and utilizes cookie data in order for your visit to be smooth, efficient, and private. Please read our cookie policy and GISTDA's personal data protection policy for further detail.
This website uses cookies. Our website creates and utilizes cookie data in order for your visit to be smooth, efficient, and private. Please read our cookie policy and GISTDA's personal data protection policy for further detail.